โควิด 19 : บทเรียนล้ำค่าจากอิตาลี แบ่งปัน โดย ปาริชาติ รักตะบุตร (ปัจจุบันยังพำนักอยู่ในกรุงโรม อิตาลี)


โควิด 19 : บทเรียนล้ำค่าจากอิตาลี






ฉันอาศัยอยู่กรุงโรม เมืองแห่งอารยธรรมเก่าแก่กว่า 2,000 ปี เป็นที่ตั้งสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก ขณะนี้กำลังเผชิญวิกฤตโควิด 19 ประเทศอิตาลีได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตครั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อ 103,616 คน ผู้เสียชีวิต 20,465 คน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก (ข้อมูลวันที่ 13 เมษายน 2563 ) รัฐบาลตัดสินใจประกาศปิดประเทศ ( lock down) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมถึง 30 เมษายน  2563 ทันทีที่ประชาชนทราบข่าวการปิดประเทศ เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ แย่งกันขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายกลับบ้าน คนในเมืองรีบออกจากบ้านไปซื้ออาหารและของใช้จำเป็นด้วยความตกใจ ฉันเป็นคนหนึ่งที่ขับรถไปซุปเปอร์มาร์เก็ตยามเที่ยงคืน ยืนเข้าคิวซื้ออาหารท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ กวาดซื้อของกินของใช้อย่างมากมาย ขนของเต็มคันรถกลับบ้าน ดำเนินชีวิตด้วยความหวาดผวา ระแวงผู้คนรอบด้าน เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ถูกสั่งห้ามออกนอกบริเวณโดยเด็ดขาดยกเว้นจำเป็น นับเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ยืนมองออกนอกหน้าต่าง จากเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีสีสัน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน รถราวิ่งขวักไขว่เต็มท้องถนน บัดนี้ เสียงอื้ออึงหายไป  ถนนโล่งไร้ผู้คน ไร้ยวดยานพาหนะ ไร้สรรพเสียง บรรยากาศเงียบสงัด เหมือนเมืองร้าง เป็นภาพที่ชวนให้วังเวงยิ่งนัก แม้จะปิดเมือง ถูกกักบริเวณ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่การติดเชื้อได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนล้มตายจำนวนมาก สะเทือนใจกับข่าวการเสียชีวิตของผู้คนตามเมืองต่างๆ  เป็นห่วง กังวล ได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขอให้ทุกคนรอดปลอดภัย 

             







จะใช้ชีวิตอย่างไร?

จะเผชิญกับวิกฤตนานแค่ไหน?


สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจยามยาก คือ การศึกษาธรรมะ ภาวนาอยู่กับลมหายใจ สงบบ้างบางเวลา ภาพความตายปรากฏตรงหน้า ความเศร้า ความหดหู่ เกิดขึ้นนานแรมเดือน เห็นภาพการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนีไปไหนไม่ได้  ทำไมไม่หันหน้าเผชิญกับสิ่งที่เกิดพลิกวิกฤต..เป็นโอกาส นำบทเรียนมาศึกษาใคร่ครวญ ทำใจยอมรับการสูญเสีย ความตาย การพลัดพราก เป็นสิ่งที่ต้องเกิดกับทุกคน ช่วงอยู่เมืองไทยฝึกภาวนากับครูบาอาจารย์วัดป่า สถานที่ สงบ วิเวก มีเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แคบๆ ใช้ชีวิตกิน อยู่ หลับนอน เรียบ ง่าย ลอง เปลี่ยนบ้านเป็นวัดใช้ชีวิตเหมือนปฏิบัติธรรม ฝึกฝนกายใจ มนุษย์ต้องการเพียงปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตพื้นฐาน ปรับตัว ปรับใจ ใช้ชีวิตตามสถานการณ์ การถูกกักให้อยู่แต่ในบ้าน เป็นการขังตัว..แต่มิอาจขังใจ ปรับตัว ปรับใจ ให้ชินกับสภาพแวดล้อม ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา พบว่า การพบ จาก พลัดพรากเป็นเรืองธรรมดา ใจที่ทุรนทุรายเริ่มสงบ ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ 







              หันมองรอบกาย
            ทำอย่างไรจิตจึงผ่อนคลาย ?

         ยามเช้า เดินดูต้นไม้ใบหญ้าอยู่กับธรรมชาติ ฟังเสียงนก กา ขับขาน ตกเย็นนั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กลางคืนสวดมนต์ไหว้พระ ใช้ทางเดินเล็กๆ หน้าห้องเป็นทางจงกรม ขณะภาวนาตามดูความคิด เมื่อจิตสงบคลายจากความโศกเศร้า พบว่า ในวิกฤตมีโอกาส ในความทุกข์มีความสงบ จะมองมุมใดอยู่ที่ใจของเรา จากประสบการณ์ครั้งนี้ ขอขอบคุณวิกฤตโควิด 19 ได้เรียนรู้มากมาย เป็นช่วงชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมาย ยอมรับการใช้ชีวิตภายใต้ข้อจำกัด เรียนรู้ การสูญเสีย  เข้าใจ ความเป็นไปของสรรพสิ่ง การเกิด ดับ พลัดพรากเป็นธรรมดาของมนุษย์ จากความกลัวสู่ความกล้าเผชืญหน้ากับสิ่งที่เกิด จากความเศร้าเป็นการยอมรับความจริง โลกภายนอกจะเป็นอย่างไรสับสน วุ่นวาย เพียงใด หากรู้จักดูแลกาย ใจ ยอมรับ จะพบความสงบ ว่างและปล่อยวางในที่สุด














ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุขสัญจร online : New Normal” ครั้งที่ 3 หัวข้อ ยิ่งต่อต้านยิ่งคงอยู่

“สุขสัญจร online: New Normal” ครั้งที่ 2 เรื่อง New Normal มีคุณค่าอย่างไร

สุขสัญจร online : New Normal” ครั้งที่ 4 หัวข้อ " New Normal คือวิถีภายในซึ่งเป็นชีวิตวิถีใหม่"